รอบรู้เรื่องน้ำมันเกียร์ วิธีเลือกและการใช้งานให้ถูกตามประเภทเกียร์

235

เกียร์ เป็นอุปกรณ์สำคัญของรถยนต์ มีลักษณะเป็นฟันเฟือง ทำหน้าที่ถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังเพลา และล้อรถยนต์ ห้องเกียร์จะตั้งอยู่ต่อจากคลัทซ์ ซึ่งเป็นตัวสำหรับเชื่อมหรือตัดการส่งกำลังจากเครื่องมายังระบบส่งกำลัง

น้ำมันเกียร์

น้ำมันเกียร์ มีหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทานและการสึกหรอของระบบเกียร์ ส่วนผสมหลักของน้ำมันเกียร์จะมีสารหล่อลื่นทำให้การสั่นสะเทือนในเรือนเกียร์ลดลง ลดแรงเสียดทานที่ทำให้เสียงดังตอนเปลี่ยนเกียร์ น้ำมันเกียร์ยังช่วยชะล้างเศษโลหะที่เกิดจากการเสียดสีภายในบริเวณหน้าฟันเกียร์ และยังสามารถช่วยป้อกกันการเกิดสนิม การกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในเกียร์ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น เห็นไหมคะว่าน้ำมันเกียร์นั้นสำคัญ และคนขับรถจำเป็นต้องทราบไว้

รู้ได้อย่างไรว่าน้ำมันเกียร์หมดสภาพ

เราสามารถตรวจสภาพน้ำมันเกียร์ว่าอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่หรือไม่ เราสามารถสังเกตง่ายจากสีของน้ำมันเกียร์ โดยน้ำมันเกียร์ที่มีสภาพใหม่จะมีสีแดงสด สำหรับเกียร์ออโต้เมติกแบบ TORQUE CONVERTER และสีเหลืองสด สำหรับบน้ำมันเกียร์ CVT สีของน้ำมันเกียร์จะเข้มขึ้นเป็นสีน้ำตาล จนดำ หากมีการใช้งานไปนานๆ และเริ่มเสื่อมสภาพ

น้ำมันเกียร์นั้นจำเป็นต้องเลือกใช้ตามประเภทของเกียร์รถยนต์

เกียร์ธรรมดา (Manual Transmission) โดยทั่วไปสำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 1 ปี แต่ถ้ามีการขับลุยน้ำบ่อยๆ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด เนื่องจากความชื้นที่เข้าห้องเกียร์ ทำให้นำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด ด้วยเหตุนี้ช่วงการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ควรจะให้ผ่านหน้าฝนไปเสียก่อน คือช่วงเดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม

เกียร์ออโต้ (Automatic transmission) โดยทั่วไปแนะนำให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 30,000-40,000 กิโลเมตร หากคุณใช้รถบ่อยหรือใช้ขับขี่ในเส้นทางที่มีจำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆ วิ่งๆ หยุดๆ รวมทั้งอุณหภูมิที่สูงบนถนน อาจำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันทุกๆ 10,000-20,000 กิโลเมตร หรือปีละ 1 ครั้ง

เราไม่สามารถใช้น้ำมันเกียร์ทั้งสองแบบทดแทนกันได้ เพราะระบบเกียร์แตกต่างกันที่ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ ในการตัดต่อการส่งกำลังจากระบบเครื่องยนต์ไปที่ระบบเกียร์แทนชุคคลัทซ์

การเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์

การเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์เกิดจากเศษฝุ่นของแผ่นเกียร์หรือแผ่นคลัทซ์ ผสมอยู่ในน้ำมันทำให้ระบบไฮโดรลิคอัดตัวแน่นกับเสื้อลิ้น อันเป็นสาเหตุให้เข้าเกียร์แล้วเกิดเสีย และทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอีกสาเหตุคือมีน้ำมันเหล่อเย็นหรือความชื้นไหลเข้าสู่ห้องเกียร์ ผสมกับน้ำมันเกียร์ทำให้น้ำมันเกียร์เน่าเสีย เสื่อมสภาพเร็ว ซึ่งเราสามารถสังเกตว่าจะมีน้ำรอยแยกชั้นกับน้ำมันเกียร์ ผู้ใช้รถจึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะที่คู่มือรถแนะนำไว้ การใช้น้ำมันเกียร์ไม่ตรงรุ่น ใช้น้ำมันเกียร์คุณภาพต่ำ

บางคนเข้าใจว่าหากรถยังใช้งานได้อยู่ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ โปรดเข้าใจเสียใหม่นะคะ ถ้าคุณยังคงฝืนใช้น้ำมันเกียร์ที่เสื่อมสภาพอยู่คุณอาจพบกับปัญหาเหล่านี้ เกียร์สะดุด กระตุกขณะที่เข้าเกียร์ D หรือเกียร์ R , จะเกิดเสียงดังเมื่อทำการเปลี่ยนเกียร์, สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะการทำงานของระบบเกียร์ร่วมกับเครื่องยนต์ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจทำให้รถของคุณไม่ออกตัวทันทีเมื่อทำการเปลี่ยนเกียร์, การเร่งเครื่องเกิดอาการถดถอย เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อระบบอื่นของรถ เช่น แผ่นกดคลัทซ์ไหม้ ทำให้เกิดการอุดตันของชิ้นส่วนต่างๆภายในเครื่องยนต์ ทำให้ก้นรองน้ำมันเสียหาย

ถ้าเจ้าของรถไม่ใส่ใจดูแลรถของตนเอง ไม่ใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนถ่าย น้ำมันเกียร์ ตามระยะ ขับอย่างเดียว สุดท้ายคุณก็ต้องมานั่งปวดหัวกับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเกียร์หรือชิ้นส่วนอื่นๆของรถพัง แทนที่จะจ่ายเพียงค่าเปลี่ยน้ำมันเกียร์ เพราะการใช้น้ำมันเกียร์ที่เสื่อมสภาพ