ตัวแปรสำคัญของอุปกรณ์ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนรถยนต์เลยนั่นก็คือน้ำมันเกียร์ แนะนำว่าให้รู้จักเลือกให้เหมาะกับรุ่นของเครื่องยนต์และจุดประสงค์ของการใช้งาน หากสามารถเลือกน้ำมันเกียร์ที่มีความเหมาะสมกับรุ่นรถและการใช้งานของตนเองได้แล้วล่ะก็ โอกาสในการยืดอายุการใช้งานให้กับเกียร์นั้นก็มีความเป็นไปได้สูงมากทีเดียว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ่อยๆ ให้เปลืองค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษารถโดยใช่เหตุ
อย่างไรก็ตามน้ำมันเกียร์เกรดที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐานมากที่สุดก็คือน้ำมันเกียร์เบอร์ 140 แต่ทั้งนี้จะมีข้อควรทราบหรือวิธีการเลือกน้ำมันเกียร์ได้แก่อะไรบ้าง บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝาก
ส่วนผสมและสารปรุงแต่ง
อันดับแรกของสิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับการเลือกใช้น้ำมันเกียร์เบอร์ 140 เลยนั่นก็คือแนะนำว่าให้เลือกน้ำมันเกียร์ที่มีส่วนผสมเหมาะกับรถยนต์หรือเครื่องยนต์ของตนเอง โดยปกติทั่วไปแล้วน้ำมันเกียร์เองก็มีหลากหลายประเภท ทั้งน้ำมันเกียร์ที่ปราศจากสารปรุงแต่ง หรือที่รู้จักกันในวงการภายใต้ชื่อ Straight Mineral Oils ซึ่งสามารถใช้งานกับชุดเกียร์แบบฟันตรง ฟันเฉียง ก้างปลา หรือแบบดอกจอก เหมาะกับการใช้งานกับเกียร์ที่แรงไม่ได้สูงมากนัก หรือน้ำมันเกียร์ที่มีส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพการเกาะยึด (Compound Oil) ซึ่งเป็นประเภทของน้ำมันเกียร์ที่เหมาะกับการใช้งานกับเกียร์แบบตัวหนอน และสุดท้ายคือน้ำมันเกียร์ที่มีส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพ (EP Gear Oils) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันกับเกียร์แบบทั่วๆ ไป และเกียร์ที่ต้องรับภาระการใช้งานแบบหนักๆ
อายุการใช้งานของน้ำมันเกียร์
อีกหนึ่งข้อควรทราบของการเลือกใช้น้ำมันเกียร์เบอร์ 140 เลยนั่นก็คือจะต้องหมั่นสังเกตและให้ความสนใจกับอายุการใช้งานของน้ำมันเกียร์ สำหรับเครื่องยนต์ที่มีการใช้งานหนักเป็นประจำ แน่นอนว่าก็จะทำให้เกียร์นั้นทำงานหนักไปด้วย ทางที่ดีแนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุกๆ 3 เดือน หรือถ้าหากก่อน 3 เดือนพบว่าการใช้งานเกียร์มีน้ำมันสารปนเปื้อนผสมอยู่ด้วย หรือน้ำมันเกียร์มีสีขุ่น แนะนำให้รีบเปลี่ยนโดยทันที แต่ถ้าหากเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้งานแบบทั่วไปก็อาจจะเว้นระยะการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์เบอร์ 140 อยู่ที่ 6 เดือนครั้งก็สามารถทำได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดการสึกหรอของเกียร์นั่นเอง
2 ข้อควรทราบแบบง่ายๆ นอกเหนือจากจะรู้จักเลือกใช้งานน้ำมันเกียร์เบอร์ 140 ให้เหมาะกับเครื่องยนต์และสภาพการใช้งานเกียร์ของตนเองแล้ว การหมั่นเช็กสภาพและให้ความใส่ใจเกี่ยวกับอายุของการใช้งานเกียร์ก็สำคัญเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องยนต์และเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่นั่นเอง
