น้ำมันเบรค เรื่องควรรู้สำหรับคนใช้รถยนต์

311

สมัยนี้ใครๆก็ขับรถกันทั้งนั้น เพื่อความสะดวกสบายและราคารถที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้แล้วคะ เมื่อถึงกำหนดตรวจสภาพรถก็นำรถเข้าศูนย์บริการ ไม่ต้องมานั่งกังวลอะไร เราควรมีความรู้เกี่ยวกับรถที่เราขับอยู่บ้างจริงไหมคะ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับน้ำมันเบรคกันก่อนคะ

น้ำมันเบรค

น้ำมันเบรค เป็นของเหลวที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายกรงจากเท้าเราไปยังลูกสูบปั้งเบรคล่าง ขณะที่เราเหยียบเบรคนั้น ผ้าเบรคมีส่วนผสมของโลหะกับจานเบรคที่เป็นโลหะเสียดสีกัน ทำให้เกิดความร้อนสะสม ซึ่งน้ำมันเบรคจะเป็นตัวหล่อลื่นส่วนต่างๆในระบบเบรค เนื่องจากการเสียดสีที่เกิดขึ้นบ่อยๆขณะที่คุณขับรถ ถ้าไม่มีสารหล่อลื่นนี้จะทำให้เกิดการรั่ว หรือ “เบรคแตก”

น้ำมันเบรค จะมีค่ากำหนดมาตรฐานที่เราเรียกว่า “DOT “ หรือ Department of Transportation ซึ่งหมายความว่า “จุดเดือดน้ำมัน” นั่นเองคะ ซึ่งในท้องตลาดจะมีตั้งแต่ DOT 2 ถึง DOT 5.1  จะระบุไว้ข้างกระป๋องของน้ำมันเบรค ได้แก่

  • DOT 2 จุดเดือดแห้งที่ 190 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียกที่ 140 องศาเซลเซียส
  • DOT 3 จุดเดือดแห้งที่ 205 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียกที่ 140 องศาเซลเซียส
  • DOT 4 จุดเดือดแห้งที่ 230 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียกที่ 140 องศาเซลเซียส
  • DOT 5 จุดเดือดแห้งที่ 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียกที่ 180 องศาเซลเซียส
  • DOT 5.1 จุดเดือดแห้งไม่ต่ำกว่า 260 องศาเซลเซียส จุดเดือดเปียกที่ 180 องศาเซลเซียส

รถยนต์ส่วนมากใช้น้ำมันเบรค DOT 3 และ DOT 4 ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือ GLYCOL BASED OIL , BORATE ESTERS  ซึ่งจะดูดความชื้นง่ายและสามารถรวมตัวกับน้ำได้ แต่ในขณะที่น้ำมันเบรค DOT 5 มีส่วนผสมหลัก SELICONE BASED OIL ที่ไม่ดูดความชื้นและไม่รวมตัวกับน้ำ จึงไม่สามารถใช้ปนกันได้กับน้ำมันเบรค DOT 3 และ DOT 4 และไม่สามารถใช้ได้กับรถที่มีระบบเบรคแบบเอบีเอส (ABS) จึงต้องใช้น้ำมั้นเบรค DOT 5.1 ด้วยเหตุนี้หากคุณต้องการจะเปลี่ยนชนิดน้ำมันเบรคจะเป็นต้องถ่ายน้ำมันเบรคเดิมออกให้หมดเสียก่อน ห้ามเจือปนกัน เพราะจะทำให้อายุการใช้งานของระบบเบรคสั้นลง วิธีที่ง่ายที่สุดคือคุณควรจดบันทึกชนิดน้ำมันเบรคที่คุณใช้อยู่

ส่วนเรื่องที่ว่าเราจะต้องเติมน้ำมันเบรคเมื่อไหร่ก็ไม่อยากที่จะตรวจสอบคะ เราสามารถตรวจสอบระดับหรือปริมาณน้ำมันเบรคได้จากกระปุน้ำมันเบรคที่ห้องเครื่องรถ โดยทั่ว่ไปแล้วน้ำมันเบรคจะอยู่ที่ขีดสูงสุด ตลอด ไม่ค่อยลดลง แต่ในกรณีที่น้ำมันเบรคดลดลง อาจตั้งข้องสงสัยไว้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเบรคของรถคุณคะ น้ำมันเบรคจะลดปริมาณลงตามความบางของผ้าเบรค เพราะลูกสูบที่อยู่ในคาร์ลิเปอร์มันจะดันตัวออกมาเพื่อไปดันผ้าเบรคที่บางเพื่อให้จับจาน ทำให้น้ำมันเบรคลงไปแทนที่ แต่หากคุณทำการตรวจเช็คแล้วว่าผ้าเบรคไม่ได้บาง ก็ให้ลองเต็มน้ำมันเบรคให้เต็ม แล้วหากน้ำมันเบรคยังพร่องลงอีก อาจเกิดการรั่วซึมในระบบ ให้รีบนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการทำการตรวจเช็คทันทีคะ

หากรถยนต์ของคุณอยู่ในสภาพที่ปกติ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรคใหม่และลูกยางเบรคใหม่ ควรเปลี่ยนทุก 40,000 กม. และไม่ควรใช้น้ำมันเบรคที่เปิดฝาไว้เกิน 1 ปี น้ำมันเบรคอาจเสื่อมเนื่องจากจุดเดือดลดลง และควรเปลี่ยนผ้าเบรคสำหรับรถยนต์เกียธรรมดา ทุกๆ 50,000-80,000 กม. และเปลี่ยนทุกๆ 50,000 กม. สำหรับรถยนต์เกียอัติโนมัติ

การเลือก น้ำมันเบรค ไม่ใช่ว่าเลือกแบบส่งๆนะคะ ควรเลือกให้ได้มาตราฐาน เพราะหากน้ำมันเบรคเดือดขึ้นมา ทำให้คุณสมบัติของเหลวไฮดรอลิคหายไป ไม่สามารถส่งถ่ายแรงได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการเบรคหายไป