โรคปอดอักเสบ หรือ ปอดบวม ที่ใครหลายคนคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เกิดจากการอักเสบและติดเชื้อภายในปอด รวมไปถึงภายในถุงลม ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคปอดอักเสบไม่ว่าจะติดเชื้อ หรือไม่ติดเชื้อก็ตาม ต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กเล็ก เพราะอาการดังกล่าวจะตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เป็นอันตรายถึงชีวิตค่อนข้างสูง ทำให้แพทย์ต้องตรวจหาสาเหตุและดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ปอดกลับมาอยู่สภาวะปกติ
อาการของโรคปอดจะแตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อและอายุของผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการไข้สูง มีน้ำมูก เจ็บคอ ไอ หายใจหอบเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปอดศีรษะ และกระสับกระส่าย เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการเหล่านี้และไม่มีท่าทีจะดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพราะนั้นอาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคปอดอักเสบค่อนข้างสูง
วิธีป้องกันไม่ให้โรคปอดอักเสบเกิดขึ้นกับคุณและคนรอบข้างมีอะไรบ้าง
ปอดอักเสบ หรือ ปอดบวม เป็นโรคที่มีความอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและเด็กเล็กที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงมากนัก ควรดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่อัดแน่ไปด้วยผู้คน อาทิ ห้างสรรพสินค้า, โรงหนัง, คอนเสิร์ต รวมไปถึงสถานที่ปิดไม่มีอากาศถ่ายเท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กเล็ก ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาพวกเขาไปเด็ดขาด เพราะอาจจะเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
- ควันรถจากท่อไอเสีย, ควันบุหรี่, ควันไฟจากการเผาไหม้ หรือแม้กระทั่งอากาศที่หนาวจนเกินไป หากสามารถหลีกเลี่ยงได้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคปอดได้เป็นอย่างดี เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคได้โดยตรง
- ล้างมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทุกครั้งเมื่อต้องหยิบจับอะไรเข้าปาก รวมไปถึงเมื่อกลับมาถึงบ้านให้รีบทำความสะอาดมือทันที
- ไม่คลุกคลีหรือใช้ของรวมกับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคปอดเด็ดขาด เพราะจะทำให้คุณมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอด หรือโรคทำให้เกิดการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ และวัคซีนโรคปอดอักเสบ ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อได้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวและเด็กเล็กเป็นต้น
สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองหรือคนรอบข้างมีความเสี่ยงที่จะเป็นปอดอักเสบ หรือปอดบวมได้ละก็ แนะนำให้ทำตามทั้ง 5 ข้อข้างต้นที่ได้แนะนำไป อีกทั้งหากไม่สบายติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันและอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้รีบไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อหาสาเหตุและรักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่จะลุกลามทำให้ตัวคุณและคนรอบข้างแย่ลงกว่าเดิม
