ในช่วงนี้กระแสการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานทดแทนกำลังมาแรง มีหลายๆคนที่สนใจการนำแผง โซล่าเซลล์ มาใช้ในบ้านหรือตามออฟฟิตสำนักงาน แต่ก็อาจยังขาดความรู้ความเข้าใจ วันนี้จึงมาแนะนำการเลือกแผงโซล่าเซลล์ และการใช้แผงโซล่าเซลล์เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด และคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกับแผงโซล่าเซลล์กันก่อน
แผงโซล่าเซลล์คืออะไร
แผงโซล่าเซลล์ หรือ Solar panel เป็นการเอาโซล่าเซลล์หลายๆอันมาต่อเป็นวงจรรวมกันในแผงเดียว ซึ่งโซล่าเซลล์แต่ละอันก็จะทำหน้าที่รับความร้อนจากแสงอาทิตย์ เมื่อมีการสะสมพลังงานจากแสงอาทิตย์มากพอ ก็จะเกิดการเคลื่อนตัวของอะตอมไหลผ่านสารกึ่งตัวนำอย่างเช่นซิลิคอนจนครบวงจร ทำให้เกิดเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) และสามารถนำไปใช้ได้
ประโยชน์ของการใช้แผงโซล่าเซลล์
การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์มีประโยชน์หลายอย่างทั้งเอาไว้ใช้เองภายในบ้าน หรือติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าขาย นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อใช้เอง
การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อใช้งานเองภายในบ้าน สามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตกับการไฟฟ้า ซึ่งมีประโยชน์ดังนี้
- ช่วยลดค่าใช้ไฟบางส่วน โดยให้แผงโซล่าเซลล์จะช่วยจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ในตอนกลางวัน และยิ่งคุณใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวันมากกว่าตอนกลางคืน ก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าไม่น้อยเลย
- สะดวกกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องใช้ไฟนอกบ้าน หรือนอกสถานที่ เช่น ไฟส่องสว่าง ไฟริมรั่ว กล้องวงจรปิดนอกบ้าน ฯลฯ
- มีไฟฟ้าใช้ตอนไฟดับ แต่ต้องมีแบตเตอรี่ที่ช่วยเก็บกักพลังงาน สำหรับแบตเตอรี่ที่มาใช้เก็บกักพลังงานจะต้องเป็นแบบ Deep Cycle Battery เท่านั้น ถึงจะเหมาะสมกับการเก็บพลังงานแผงโซล่าเซลล์ เพราะสามารถเก็บประจุและจ่ายไฟได้เต็มประสิทธิภาพมากกว่า สูงสุดถึง 75% ของความจุแบตเตอรี่ แต่ก็มีข้อเสียคือ ราคาแพง และไม่เหมาะกับการใช้งานบางอย่าง เช่น การสตาร์ทรถยนต์ ฯลฯ
ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้เพื่อขาย
คุณคงมีคำถามในใจว่า ไฟฟ้าขายได้ด้วยเหรอ? แล้วขายยังไง? ขายให้ใคร? คำตอบก็คือ ขายให้กับการไฟฟ้ายังไงละครับ การขายไฟให้การไฟฟ้ามีสองหน่วยงานที่รับซื้อ คือ
- การไฟฟ้านครหลวง (MEA) สำหรับในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
- การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) สำหรับในต่างจังหวัด
การขายไฟให้กับการไฟฟ้า หลายๆคนอาจสงสัยว่า แล้วการไฟฟ้าจะรับซื้อไฟฟ้าได้ยังไง คำตอบคือ “รับไฟมาทางไหน ก็ขายไฟคืนไปทางนั้น” นั่นแหล่ะครับ เพราะกระแสไฟฟ้ามันไหลได้สองทางเมื่อมีไฟเข้าก็ต้องมีไฟออก แต่การไฟฟ้าไม่อนุญาตให้จ่ายไฟย้อนมิเตอร์เดิมของบ้าน จะต้องมีมิเตอร์สำหรับขายไฟเพิ่มมาอีก 1 ตัว เพื่อรับไฟจากบ้านเราขายกลับไปยังการไฟฟ้า
สรุปคือ ต้องมีทั้ง “มิเตอร์ซื้อไฟ” (มิเตอร์เดิมที่ติดตามบ้าน) และ “มิเตอร์ขายไฟ” แยกออกอย่างชัดเจนเรียกว่า “ซื้อก็ส่วนซื้อ ขายก็ส่วนขาย” ไม่ปะปนกัน ดังนั้นการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อขายไฟ ก็คือการแปลงสภาพหลังคาบ้านของเราให้เป็นโรงผลิตกระแสไฟฟ้าขนาดเล็ก และขายคืนให้กับการไฟฟ้าผ่านทางมิเตอร์ขายไฟนั่นเอง
เหตุผลที่การไฟฟ้ารับซื้อไฟจากประชาชน ก็เพื่อลดภาระต้นทุนในการผลิตกระแสไฟฟ้า และเป็นการรณรงค์ให้คนทั่วไปหันมาช่วยกันผลิตกระแสไฟฟ้ากันมากขึ้น ทำให้ประเทศของเรามีไฟฟ้าใช้กันอย่างพอเพียง
เงื่อนไขการจำหน่ายกระแสไฟ ขายไฟให้กับการไฟฟ้า
แต่การจะเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กได้ ต้องมีเงื่อนไข 4 ข้อ ดังนี้
- จะต้องเป็นบ้านที่มีโครงหลังคา ที่พร้อมให้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์
- มิเตอร์ไฟต้องเป็นมิเตอร์เพื่ออยู่อาศัยประเภทที่ 1 เท่านั้น ดูที่บิลค่าไฟจะมีเขียนบอกไว้
- การไฟฟ้าจำกัดการผลิตกระแสไฟได้ไม่เกิน 10kW ต่อหลังคาเรือน และมีโควตาต่อชุมชนด้วย จึงต้องปรึกษาการไฟฟ้าที่รับผิดชอบในชุมชุนที่อาศัยอยู่ด้วย
- จะต้องขออนุญาตกับการไฟฟ้าในเขตชุมชนที่พักอาศัยเสียก่อน
การลงทุนติดตั้งแผงโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าขาย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้ผลตอบแทนคงที่ประมาณ 20% ตลอดระยะเวลาสัญญา
