ในสมัยก่อนหากมีคนมาขายประกันชีวิต ก็มักจะได้รับการปฏิเสธ เพราะจะได้รับเงินประกันเมื่อตายไปแล้ว บางคนก็คิดว่าทำประกันชีวิตไปเพื่ออะไร ตายไปแล้วไม่ได้ใช้เงินซักบาทจะเอาเงินไปทำอะไร บางคนก็คิดว่าเป็นการแช่งให้ตายไวๆหรือเปล่า ก็มีสารพัดจะคิดกันไป แต่ในปัจจุบันการ ประกันชีวิต ได้รับการยอมรับมากขึ้น เพราะมีการปรับปรุงกรมธรรม์ประกันชีวิตให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ทำประกัน เช่น ถ้าอยู่จนครบกำหนดกรมธรรม์ก็ได้เงินคืนพร้อมเงินปันผล ซึ่งก็เหมือนกับเป็นการออมทรัพย์ไปในตัว ความคิดในแง่ลบของการทำประกันชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนไป…
การประกันชีวิต คืออะไร
การทำประกันชีวิต ถ้าสรุปแบบสั้นๆก็คือ วิธีการของคนกลุ่มหนึ่งที่ร่วมกันจ่ายเงินเป็นกองกลางไว้ที่บริษัทประกันชีวิต เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยงภัย หากเกิดการตาย ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ หรือไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ในยามชรา ถ้ามีผู้ประสบภัยเหล่านั้นก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทั้งแก่ตัวเองและครอบครัว โดยบริษัทประกันชีวิตจะเป็นตัวแทนนำเงินช่วยเหลือดังกล่าวมามอบให้กับผู้ประสบภัย
การทำประกันชีวิต มีประโยชน์อย่างไร
ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในอนาคตก็ไม่มีใครทราบได้ ดังนั้นการทำประกันชีวิตจึงเป็นการเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์อันอาจเกิดขึ้นได้ และมีเงินสำรองไว้ในยามฉุกเฉิน สำหรับประโยชน์หลักๆของการทำประกันชีวิตจะมีดังนี้
•ด้านการออมทรัพย์ เนื่องจากการทำประกันเป็นลักษณะกึ่งบังคับ ดังนั้นผู้ทำประกันจึงต้องจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอตลอดจนครบสัญญาของกรมธรรม์ จึงทำให้สามารถออมเงินไว้ได้ ซึ่งถือเป็นการลงทุนในระยะยาว หากเก็บเงินออมเอง อาจจะทำไม่สำเร็จ
•สร้างความมั่นคงและความอุ่นใจ หากผู้ทำประกันไม่ได้ประสบภัยร้ายแรงอะไร การทำประกันชีวิตเอาไว้ก็ช่วยให้มีรายได้ให้มั่นคงขึ้นในอนาคต แต่หากผู้ทำประกันเกิดประสบภัยขึ้นมา ก็มีความอุ่นใจในระดับหนึ่งว่าจะไม่เดือดร้อนทั้งตนเองและครอบครัว
•ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ผู้ทำประกันสามารถนำหลักฐานการชำระเบี้ยประกันชีวิตไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับแบบทั่วไป และไม่เกิน 200,000 บาท สำหรับแบบบำนาญ ซึ่งการลดหย่อนภาษีได้นี้เป็นการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อส่งเสริมและเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนสนใจการทำประกันชีวิต
ประเภทของการประกันชีวิต
การทำประกันชีวิตจะแยกออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ
1.ประเภทสามัญ เป็นการทำประกันชีวิตที่ได้รับเงินชดเชยค่อนข้างสูง ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป จึงเหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ซึ่งอาจมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทประกัน การชำระเบี้ยประกันจะชำระกันเป็นรายปี, 6 เดือน, 3 เดือน หรือรายเดือน
2.ประเภทอุตสาหกรรม เป็นการทำประกันชีวิตที่ได้รับเงินชดเชยต่ำ ตั้งแต่ประมาณ 10,000 – 30,000 บาท เหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้ต่ำ ไม่มีการตรวจสุขภาพ แต่มีระยะเวลารอคอย เพื่อพิสูจน์สุขภาพของผู้ทำประกัน โดยทั่วไปจะกำหนดไว้ที่ 180 วัน หากผู้ทำประกันเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บในระยะเวลาดังกล่าว บริษัทประกันจะไม่จ่ายเงินชดเชยให้ แต่จะคืนเบี้ยประกันที่ได้ชำระมาแล้วทั้งหมด
3.ประเภทกลุ่ม เป็นการทำประกันชีวิตแบบหนึ่งที่มีผู้ทำประกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป โดยทั่วไปจะเป็นกลุ่มของพนักงานบริษัท หรือองค์กรต่างๆ ซึ่งอาจมีการตรวจสุขภาพหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทประกัน การทำประกันชีวิตประเภทกลุ่มจะคิดเบี้ยประกันต่ำกว่าทุกประเภท
การประกันชีวิตมีกี่แบบ
แบบของการทำประกันชีวิตจะมีมากมายหลายแบบ ซึ่งจะมีความคุ้มครองและให้ผลประโยชน์ที่แตกต่างกันไป แต่จะมีแบบการประกันชีวิตที่เป็นพื้นฐานอยู่ด้วยกัน 4 แบบ คือ
1.แบบประกันตลอดชีพ เป็นแบบที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ ถ้าผู้ทำประกันเสียชีวิตในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้รับประโยชน์ เพื่อเป็นเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินและไม่ให้ตกเป็นภาระของคนอื่น
2.แบบสะสมทรัพย์ เป็นแบบที่มุ่งเน้นไปในการออมทรัพย์ แต่ผสมการคุ้มครองชีวิตเข้าไปด้วย คือ ถ้าผู้ทำประกันมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญาก็ได้รับเงินประกันคืนพร้อมผลประโยชน์ แต่หากเสียชีวิตภายในระยะเวลาประกันภัย คนที่อยู่เบื้องหลังก็ได้รับเงินชดเชย
3.แบบชั่วระยะเวลา เป็นแบบที่มีการคุ้มครองภายกำหนดเวลาในระยะหนึ่ง คือ หากเสียชีวิตในระยะเวลาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ก็จะได้รับเงินชดเชย แต่หากมีชีวิตอยู่จนเลยระยะเวลาประกันไปแล้ว ก็ไม่มีเงินเหลือคืน การจ่ายเบี้ยประกันแบบนี้จึงต่ำกว่าแบบอื่นๆ
4.แบบเงินได้ประจำ คล้ายๆกับแบบสะสมทรัพย์ แต่จะเริ่มได้รับเงินคืนเมื่อผู้ทำประกันเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์ โดยจะได้รับเงินจำนวนหนึ่งเท่าๆกันอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับคนที่สนใจจะทำประกันชีวิต อยากทราบข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยใดๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) หรือที่สมาคมประกันชีวิตไทย หรือโทร 1186 (สายด่วนของกรมการประกันภัย)
ข้อมูลประกันชีวิตอื่นๆ
การประกันชีวิต : oic.or.th
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการประกันชีวิต : money.kapook.com