ปวดท้องประจำเดือน กดจุดบรรเทาอาการปวดและการดูแลตัวเอง

186

ปวดท้องประจำเดือน หรือ ปวดระดู (Dysmenorrhea) เป็นการปวดบีบเป็นพักๆบริเวณท้องน้อย อาจร้าวไปถึงบริเวณหลัง ก้น หรือต้นขา ที่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือน

ปวดท้องประจำเดือน

ปวดท้องประจำเดือน สามารถแบ่งได้ 2 แบบ ได้แก่

1. ปวดชนิดปฐมภูมิหรือแบบธรรมชาติ คือภาวะปวดท้องน้อยจากมดลูหดเกร็งระหว่างมีระดูโดยไม่มีโรคร้ายใดๆแฝงอยู่ เมื่อมีประจำเดือนมดลูกจะสร้างสารที่ชื่อว่า พรอสตาแกลนดินส์ มีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวเป็นพักๆ เพื่อไล่เลือดออกมา และมีผลต่อระบบเส้นเลือดบีบตั้ว กล้ามเนื้อบีบตัว และลำไส้บีบตัวผิดปกติ ซึ่งการบีบตัวของอวัยวะในช่องท้องทำให้มีอาการ ปวดบีบเหมือนโดนอะไรบีบ อาการหนักเบาต่างกันไป อาการบีบตัวของเส้นเลือดในสมอง ทำให้ปวดศีรษะคล้ายไมเกรน บางคนมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาการต่างๆ มักจะแสดงชัดเจนในช่วงปีแรก หลังจากนั้นก็จะปวดน้อยลง

2. ปวดชนิดทุติยภูมิ เป็นภาวะปวดท้องน้อยจากมดลูดหดเกร็งที่เกิดจากพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน จะมีอาการตรงข้ามกับการปวดแบบปฐมภูมิ เช่น ตอนวัยรุ่นไม่ปวดแต่จะปวดตอนอายุมากขึ้น ประจำเดือนมาทีละหลายๆวันและปวดมากขึ้นทุกๆเดือน ทำให้ต้องทานยาแก้ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการอื่นๆร่วม เช่น ประจำเดือนมีปริมาณมากกว่าปกติ ไข้สูง มีหนองไหลออกจากช่องคลอด ซึ่งเป็นสัญญาเตือนถึงโรคที่ซ่อนอยู่ข้างใน เช่น โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (โรคช็อกโกแลตซีสต์) โรคเนื้องอกของกล้ามเนื้อมดลูก โรคติเชื้อในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น

โรคที่เกี่ยวข้องการมีประจำเดือนและพบได้บ่อยคือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือภาวะที่เยื่อบุโพรงมดลูกไปอยู่ที่ตำแหน่งอื่นของร่างกาย ซึ่งปกติจะไปอยู่ที่อุ้งเชิงกราน นอกตัวมดลูก เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือนมดลูกจะบีบตัวไล่เลือดออกมา แต่อาจมีเลือดบางส่วนไหลย้อนกลับเข้าไปในมดลูก ถ้าปริมาณไม่เยอะก็ทำเกิดพังผืด แต่ถ้ามีปริมาณมากและฝังที่รังไข่ เลือดจะรวมกันเป็นก้อนถุงน้ำและมีเลือดคลั่งอยู่ข้างในมีสีน้ำตาล จึงเรียกโรคนี้อีกอย่างกว่า โรคช็อกโกแลตซีสต์ ถ้าปล่อยให้ก้อนโตเกิน 4 เซ็นติเมตร โอกาสกลายเป็นมะเร็งได้สูงหรืออาจแตกแล้วเกิดการติดเชื้อในช่องท้องทำให้เสียชีวิตได้คะ

อย่างไรก็ตามผู้หญิงทุกคนมีโอกาสเกิดภาวะเลือดประจำเดือนไหลย้อยได้ ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายของใครจะสามารถกำจัดเยื่อบุโพรงมดลูกออกไปได้มากน้อยต่างกัน วิธีที่ดีคือการตรวจภายในเป็นประจำคะ

บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน

การบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนก็คงไม่พ้นการรับประทานยาระงับปวด และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยลดอาการปวดได้เมื่อมีประจำเดือน

การกดจุดบรรเทาอาการปวดประจำเดือน

หากปวดท้องมากๆ แต่ไม่อยากทานยาแก้ปวด ลองมาใช้วิธีกดจุดเพื่อบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนกันดูนะคะ แต่ควรทำก่อนมีประจำเดือนสัก 7 วัน ห้ามทำในช่วงมีประจำเดือนคะ จะทำให้เลือดลมแปรปวน ประจำเดือนมาผิดปกติ และอาจทำให้ปวดท้องมากขึ้น เรามาเริ่มกันเลยนะคะ

  1. ยกมือขวาขึ้นให้ขนานกับลำตัว บิดมือไปทางด้านหลัง นำมือซ้ายจับข้อมือมือขวาจากด้านหลัง กดบริเวณข้อมือขวาให้แน่นด้วยนิ้วกลางและนิ้วนางประมาณ 3-15 นาทีจึงคลายออก แล้วเปลี่ยนไปทำอีกข้างหนึ่ง
  2. ใช้หัวแม่มือซ้ายกดหมุนวนที่บริเวณตรงกลางระหว่างนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ของเท้าด้านขวา ประมาณ 1-2 นาที แล้วใช้หัวแม่มือขวากดหมุนวนที่บริเวณตรงกลางระหว่างนิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ของเท้าด้านซ้าย แล้วทำซ้ำอีก 1 ครั้งทั้ง 2 ข้าง
  3. ใช้หัวแม่โป้งกดที่ใต้ตาตุ่ม (ด้านหัวแม่เท้า) ออกแรงสม่ำเสมอ จากนั้นคลึงเป็นวงกลมแล้วไปกดที่จุดเดิมอีกครั้งโดยเพิ่มแรงกดให้มากกว่าเดิมทำซ้ำไปมาสัก 5 นาที แล้วสลับไปทำกับเท้าอีกข้างหนึ่ง
  4. กำมือแล้วใช้ข้อนิ้วทั้งสี่กดจุดบริเวณกึ่งกลางส้นเท้าด้านในไล่มาทางปลายส้นเท้า แล้วคลาย ทำซ้ำประมาณ 5 นาที แล้วสลับไปทำอีกข้างหนึ่ง (ให้ใช้มือซ้ายกับเท้าขวา และมือขวากับเท้าซ้าย)

ตราบใดที่ผู้หญิงยังไม่ก้าวเข้าสู่วัยทองหรือวัยหมดประจำเดือนก็คงจะหนีไม่พ้นการมีประจำเดือนและอาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนไปได้ หมั่นดูแลตนเองเตรียมรับกับการมีประจำเดือนในแต่ละเดือนกันจะดีกว่าคะ

ข้อมูลอ้างอิง 
ตรวจก่อนอันตรายวปวดท้องประจำเดือนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ : thairath.co.th
อย่างละเลยปวดท้องประจำเดือน เตือนภัยโรคร้ายแฝงเร้น : neutron.rmutphysics.com

กดๆนวดๆ ลดปวดประจำเดือน : sofyclub.com